หน้าเว็บ

ยินดีต้อนรับสู่สัจธรรมที่แท้จริง



ด้วยพระนามของของฮัลลอฮผู้ส่งเมตตา ผู้ส่งกรุณาปราณีเสมอฮัลฮัมดุลิลาฮมวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิของฮัลลอฮซุบฮานาฮูวาตาอาลา พระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งทุกอย่างแห่งสากลโลก ขอฮัลลอฮส่งประทานความจำเริญ มวลแห่งความดีทั้งหลายให้กับผู้ที่แสวงหาความรู้ความโปรดปรานจากพระองค์

ด้วยพระนามของฮัลลอฮผู้ทรงเมตตา กรุณาปราณีเสมอ

อิสลามกับความจริงที่ต้องรู้

04 พฤศจิกายน 2552

สัจธรรมแห่งชีวิตคู่


ชีวิตคู่ : บริบทหนึ่งที่มีอยู่ในทุกสังคมของสิ่งมีชีวิตทั้งคน สัตว์และแม้กระทั่งพืช การถูกกำหนดให้มีการปฏิสัมพันธ์เป็นคู่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้สิ่งมีชีวิตชั้นสูงไม่ต่างไปจากสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ แต่ด้วยเป้าหมายที่มีรายละเอียดไม่เหมือนกัน จึงทำให้การครองคู่ของสิ่งมีชีวิตแต่ละประเภท กลายเป็นความเหมือนที่แตกต่าง
ชีวิตคู่ของพืชมีเป้าหมายเพียงเพื่อผลิดอกออกผลและขยายพันธุ์ พืชไม่มีความรู้สึกนึกคิดหรือกฎเกณฑ์ในการเลือกคู่แต่อย่างใด เมื่อใดก็ตามที่เกสรตัวผู้ซึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้สบโอกาสมาตกอยู่บนเกสรตัวเมียซึ่งไม่เคยคุ้นหน้าค่าตากันมาก่อน เมื่อนั้นการปฏิสนธิก็เริ่มต้นขึ้นและตัวมันเองก็กลายสภาพเป็นดอกผล ในขณะที่สัตว์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงขึ้นมาหน่อยก็เริ่มมีหลักเกณฑ์ทางอารมณ์ ความคิดและศิลปะในการดึงดูดเพศตรงข้ามมาเกี่ยวข้อง สัตว์มีวิธีการคัดเลือกคู่โดยดูจากรูปลักษณ์ภายนอก เช่นความสง่างาม ความแข็งแรงถ้าตัวผู้หรือตัวเมียเกิดพอใจในตัวใดมันก็จะดึงดูดความสนใจของอีกฝ่ายด้วยวิธีการต่างๆ เช่นโชว์ความสามารถในการต่อสู้เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองแข็งแรงกว่าสัตว์ตัวอื่นๆบางชนิดก็โชว์ความสวยงาม เช่น การลำแพนหางของนกยูง การส่องแสงที่ก้นของหิ่งห้อย บางชนิดก็มีการเกี้ยวพาราสีกันโดยการส่งเสียง หรือเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่าย ก็ยังมีให้เห็นในสัตว์เลี้ยงบางชนิด เมื่อทั้งคู่ต่างพอใจในกันและกันแล้วก็จะเข้าหากันอย่างไม่ต้องมีพิธีรีตอง เมื่อ
ตัวผู้เกิดเบื่อคู่ของมัน มันก็จะทิ้งให้ตัวเมียเลี้ยงดูลูกน้อยๆแต่เพียงผู้เดียวหรือเมื่อตัวเมียเกิดเบื่อ มันก็พร้อมที่จะทิ้งลูกๆของมันเพื่อไปหาคู่ตัวใหม่อย่างไม่ไยดีเช่นกัน นี่คือความจริงที่เราพบเจอได้ในสังคมสัตว์ มาดูชีวิตคู่ของคนกันบ้าง จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตคู่ของคนทั้งโลกพบว่า กว่า 80%พร้อมใจกันนำวิธีการหาคู่แบบสิ่งมีชีวิตชั้น 2 มาใช้โดยไม่รู้ตัว บางคนกลายพันธุ์เป็นสิ่งมีชีวิตชั้น3แล้วก็มีไม่น้อย บางคนเลือกเพราะความพอใจในรูปลักษณ์ บ้างก็เพราะทรัพย์สิน หรือตำแหน่งทางสังคม บางคนไม่ต้องเลือกเลยเพราะทำเป็นอาชีพ แล้วแต่ว่าวันดีคืนดีจะได้ใครมาตกเป็นคู่ค้าชั่วคราว โดยถือว่าตัวเองมีอิสระในการคบหากับใครก็ได้ พอๆกับอิสระในการเลือกที่จะเป็นโรคติดต่อที่ไม่มีทางรักษา บางคนก็ขอเรื่องคุณธรรมบ้างพอเป็นอารยะแม้จะเป็นเงื่อนไขสุดท้ายก็ตาม การแต่งงานซึ่งเคยเป็นตัวบ่งชี้ถึงอารยธรรมการครองคู่ของมนุษย์ก็กลายเป็นสิ่งที่นักรักจอมปลอมทั้งหลายพากันหลีกเลี่ยง หรือหากมีการแต่งงานเกิดขึ้นก็ไม่มีใครวางใจได้ว่าอีกฝ่ายจะมั่นคงกับตัวเองไปได้นานแค่ไหนเพราะก่อนแต่งตนเองได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดแล้ว เมื่อไม่เหลือสิ่งใดที่จะดึงดูดใจของอีกฝ่าย ชีวิตคู่ของคนพวกนี้ก็มีอันต้องสิ้นใจก่อนวัยอันควร
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ไม่ว่าจะยุคสมัยใด บรรดาชายหญิงที่คบหาดูใจกันเพื่อแต่งงานก็ยังคงค้นหาความจริงของว่าที่คู่ชีวิตต่อไป ในขณะทั้งคู่ก็ต่างรู้อยู่แก่ใจว่ากำลังใส่หน้ากากเข้าหากัน และบทเรียนของการคบหากันแบบนี้ก็ย้ำเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาจะไม่มีวันได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของกันและกันจนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายจะหมดความสนใจและไม่ว่าฝ่ายที่ผิดหวังจะเป็นชายหรือหญิง สิ่งที่ทั้งคู่ได้ทุ่มเทลงไปก็ไม่เคยให้อะไรกลับมา แต่บางคนก็ปลอบใจตัวเองด้วยการอัพเกรดความ
สูญเสียที่ได้รับเป็นความภาคภูมิใจด้วยซ้ำ และนี่คือเกมที่ไชฏอนกำลังเล่นกับเหยื่อของมันชีวิตคู่ของมนุษย์ที่เป็นมุสลิม
หากพูดถึงชีวิตคู่ในนิยามของผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺแล้ว แน่นอนที่สุดว่าต้องเริ่มด้วยการนิกาฮฺ(แต่งงาน) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความรักระหว่างชายหญิงที่เป็นไปเพื่อแสวงหาความพอใจจากพระเจ้าของเขา ไม่ใช่เป็นจุดจบของความรักที่ทั้งคู่ร่วมกันบ่มเพาะจนสุกงอมก่อนจะเข้าสู่พิธีแต่งงาน ชีวิตคู่ของมุสลิมมีความแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง และมันก็ยิ่งต่างขึ้นไปอีกเมื่อมนุษย์ทั่วไปเลือกที่จะใช้ชีวิตคู่อย่างสัตว์หรือพืช การเลือกคู่ของมุสลิมใช้หัวใจพิจารณาที่หัวใจ ไม่ได้ใช้สายตาพิจารณาที่รูปกายไม่ต้องมีการดึงดูดเพศตรงข้าม เพราะมุสลิมเข้าใจดีว่าเมื่อใดก็ตามที่มนุษย์ทำเพื่อมนุษย์ด้วยกัน เขาก็จะได้กลับมาเท่าที่มนุษย์สามารถให้ได้
แต่ถ้ามนุษย์ทำเพื่ออัลลอฮฺ เขาก็จะได้ทุกสิ่งที่เขาต้องการ มุสลิมไม่มีการคบหากันก่อนแต่งเพราะวิธีนี้จะไม่ทำให้เขาได้ข้อมูลที่เป็นจริง แต่มุสลิมเลือกใช้วิธีที่ฉลาดกว่า คือการสืบข้อมูลโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว และเกณฑ์ที่ใช้ก็คือศาสนาที่มีอยู่ในตัวเขาเพราะสิ่งนี้จะไม่เสื่อมสภาพลงตามกาลเวลาการแต่งงานของมนุษย์ที่เป็นมุสลิมมีจุดหมายปลายทางที่เหนือชั้นกว่าคนธรรมดาตรงที่ไม่ได้เป็นคู่กันเฉพาะโลกนี้ แต่ทั้งคู่จะเป็นคู่ครองของกันและกันยาวไปถึงโลกหน้าความจริงความรักแบบนี้ต่างหากที่สมควรเรียกว่า“รักนิรันดร์” การใช้ชีวิตร่วมกันในโลกนี้เป็นเพียงทางผ่านในการทำให้ศาสนาของคนทั้งคู่สมบูรณ์ ช่วยกันแนะนำตักเตือนเสริมสร้างความดีเกื้อหนุนกันอีกฝ่ายทำหน้าที่ของตนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรอรับการตอบ
แทนที่จีรังในโลกที่แท้จริง มุสลิมตระหนักดีว่าการแต่งงานไม่ใช่เรื่องของอารมณ์แต่เป็นเรื่องของศาสนาที่จะต้องใช้ความรอบคอบอย่างยิ่งในการเลือกผู้ที่จะมาร่วมบทบาทที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือบทบาทของผู้ผลิตสมาชิกใหม่ของประชาชาตินี้และอบรมเลี้ยงดูให้เป็นบ่าวที่พระผู้เป็นเจ้าพึงปรารถนาเป็นทหารของอัลลอฮฺหรือเป็นผู้ให้กำเนิดนักฟื้นฟูอิสลามอีกหลายชีวิตในภายภาคหน้า
เนื่องจากมุสลิมเลือกคู่ครองด้วย “จิตวิญญาณแห่งอิสลาม” จึงทำให้ไม่ต้องมีใครตกอยู่ในภาวะเสี่ยงในการใช้ชีวิตคู่ เพราะไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข เขาก็จะใช้อิสลามนำทางเสมอ เมื่อมีความสุขเขาก็จะให้เกียรติกันเมื่อเจอความทุกข์เขาก็จะรักษาเกียรติของกันและกัน ความรักที่มีให้กันเพื่ออัลลอฮฺคือจุดเด่นของชีวิตคู่ในอิสลาม แม้ความห่างของสถานที่หรือความสั้นของกาลเวลาในการร่วมอยู่กันบนโลกใบนี้ก็ไม่อาจทำให้สายสัมพันธ์ชนิดนี้ขาดสะบั้นลงได้เพราะคู่ชีวิตของอิสลามเป็นคู่หัวใจที่ผูกมัดด้วยสายเชือกของผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
“(สำหรับบรรดาผู้ยำเกรงนั้นจะได้รับ) สวนสวรรค์ทั้งหลายอันสถาพรพวกเขาจะเข้าไปอยู่พร้อมกับผู้ทำดีจากบรรพบุรุษของพวกเขาและคู่ครองของพวกเขา และบรรดาลูกหลานของพวกเขา และมลาอิกะฮฺจะเข้ามาหาพวกเขาจากทุกประตู” (อัร-เราะอฺดุ 13 : 23)
ญะซากุมุลลอฮุคอยร็อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

(ขอบคุณ)